วิกฤตการณ์แห่งการพัฒนา
ท่ามกลางสังคมสมัยใหม่ ที่การพัฒนาอุตสาหกรรมกำลังรุดหน้าไป
เราจะสังเกตเห็นว่า 30 ปีที่ผ่านมา
ทั่วโลกมีการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแทบทุกประเภท ถือได้ว่าเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของแต่ละประเทศ
ที่จะทำให้ประเทศของตนมีความทันสมัยขึ้นมา
แนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมานั้นเน้นเรื่องความเจริญทางวัตถุมีการพัฒนาทางอุตสาหกรรม มีการเร่งขยายรายได้ประชาชาติ
ซึ่งส่งผลให้เห็นว่า 30 ปีที่ผ่านมา มีความเจริญเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่เป็นความเจริญทางด้านวัตถุ
ขณะที่วัตถุมีความเจริญทันสมัยขึ้น
แต่ทรัพยากรของโลกถูกทำลายไปอย่างไม่มีทางที่จะหามาใหม่ได้จนกระทั่งเกิด “วิกฤตการณ์ของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม” สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงถึงแม้ว่ารายได้ของชาติจะเพิ่มขึ้นทุกปี
เพียงชั่วระยะเวลา 100 ปีเศษที่ไทยถูกบังคับให้รับอารยธรรมตะวันตกเข้ามาทำให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไป
หลายประการ คือ
เพียงชั่วระยะเวลา 100 ปีเศษที่ไทยถูกบังคับให้รับอารยธรรมตะวันตกเข้ามาทำให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไป
หลายประการ คือ
1. ภาคธุรกิจเอกชนทั้งอุตสาหกรรมและบริการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ภาคเกษตรกรรมการขยายตัวต่ำมาก
2. สังคมปรับตัวไปสู่สังคมอุตสหกรรมมากขึ้น
3. กำลังซื้อของคนชั้นกลางขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากร
กล่าวคือ มี ประชากรวัยทำงานเพิ่มขึ้น แต่ประชากรที่เป็นภาระลดน้อยลง
4. เกิดการขยายตัวของความเป็นเมือง
5. เกิดการขยายตัวทางการศึกษา เช่น
ในระดับปริญญาตรีเกิดมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และมหาวิทยาลัยเอกชนอีกจำนวนมาก
6. สังคมไทยผูกพันกับต่างประเทศมากขึ้น
7. การเปลี่ยนแปลงของชุมชนและครอบครัว
จากครอบครัวขยายขนาดใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยวขนาดเล็ก
เนื่องจากความจำเป็นทางเศรษฐกิจ
ภายใต้การพัฒนาประเทศ นับตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่
1 จนบัดนี้ กำลังเข้าสู่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2504-ปัจจุบัน)
จะพบว่ามีความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ระหว่างสังคมเมืองกับสังคมชนบท ภาคอุตสาหกรรมบริการกับภาคเกษตรกรรม เกิดช่องว่างระหว่างความเจริญทางด้านวัตถุกับความเจริญทางด้านจิตใจ เป็นเหตุให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบกระเทือนต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน
และความมั่นคงของชาติหรือเรียกว่าปัญหาสังคม เช่น ปัญหาค่านิยมที่เปลี่ยนแปลง
ปัญหาคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม
ที่ลดน้อยลงทุกทีจะเห็นได้จากพ่อแม่บางคนที่ขายลูกไปเป็นโสเภณี ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ฯลฯ ซึ่งสามารถสรุปปัญหาหลัก ๆ ของสังคมไทยได้พอสังเขป ดังนี้
ที่ลดน้อยลงทุกทีจะเห็นได้จากพ่อแม่บางคนที่ขายลูกไปเป็นโสเภณี ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ฯลฯ ซึ่งสามารถสรุปปัญหาหลัก ๆ ของสังคมไทยได้พอสังเขป ดังนี้
1. ปัญหาด้านเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาความยากจน
ปัญหาการขาดแคลนปัจจัยสี่ ปัญหาอพยพย้ายถิ่น ปัญหาสวัสดิการและสภาพการทำงาน
ภาคอุตสาหกรรม ปัญหาความไม่สมดุลในการกระจายรายได้ เป็นต้น
2. ปัญหาด้านสังคม
ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบสังคม หรือโครงสร้างของสังคม เช่น ปัญหาการศึกษา
ปัญหาการบริการสาธารณสุข ปัญหาเรื่องความเสื่อมโทรมทางด้านศีลธรรมและจิตใจ
ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ปัญหาโรคเอดส์ ปัญหาโสเภณีเด็ก ปัญหาครอบครัว
ปัญหาเด็กและเยาวชน ปัญหาพฤติกรรมเบี่ยงเบนปัญหาการพัฒนาโดยเลียนแบบสังคมตะวันตก
ปัญหาสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
3. ปัญหาด้านการเมือง เช่น
ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ปัญหาการตื่นตัวทางการเมืองต่ำ
ปัญหาระบบพรรคการเมืองที่มุ่งผลประโยชน์ของพรรคมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน
ปัญหาคอรัปชั่น ปัญหาประชาชนขาดอำนาจและสิทธิในการตัดสินใจเรื่องที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบต่อพวกเขา
ปัญหากลไกทางราชการขาดการเอาใจใส่ดูแลกระบวนการร่วมคิด ร่วมวางแผน
และร่วมดำเนินงานในระดับชุมชน ฯลฯ
ซึ่งเมื่อพิจารณาปัญหาสังคมเหล่านี้แล้วจะพบว่า แต่ละปัญหามีความสัมพันธ์กับปัญหาหนึ่ง
อาจเป็นสาเหตุของปัญหาหนึ่ง ขณะที่ปัญหาหนึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาหนึ่ง เช่น
ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง มีสาเหตุมาจากปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ไม่พอกิจ
ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของ เงินทองในการออกเสียงเลือกตั้ง
ขณะเดียวกันปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ส่งผลต่อปัญหาทางการเมือง คือ
แสดงให้เห็นถึงสถานบันทางการเมืองอ่อนแอ
รัฐบาลหรือพรรคการเมืองไม่สามารถสนองปัจจัยสี่ หรือสนองความต้องการแก่คนในสังคมได้อย่างเพียงพอ
เป็นต้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม สามารถจำแนกได้เป็น 2 ระดับ คือ ระดับบุคคลกับระดับสังคม และทั้ง
2 ระดับมีความสัมพันธ์กันส่งผลถึงกันได้ตลอดเวลา เช่น การเบี่ยงเบนพฤติกรรมทางเพศ
เป็นปัญหาระดับบุคคล แต่สามารถส่งผลถึงปัญหาระดับสังคมได้ คือ เอดส์ เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น